เนื้อหายาวไป จิ้มที่หัวข้อ เลือกอ่านได้เลยจ้า
ต้นทุนชีวิตของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ประกอบกับเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทำให้หลายคนต้องอยู่ในสภาพเป็นหนี้สินกันเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ถ้ามองเทียบแล้วสำหรับกลุ่มคนวัยทำงานหนี้ที่เป็นกันมากก็คือ “หนี้บัตรเครดิต” มีบัตรเครดิตหลายใบ รูดซื้อสินค้าบ้าง กดเงินสดมาใช้บ้าง ใครที่หมุนเงินไม่ทันก็กดเงินจากบัตรนั้นมาจ่ายบัตรเครดิต แรกๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะยังพอหมุนได้ พอนานเข้าเริ่มเกิดปัญหาเงินตึงมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่มีเงินจ่ายหนี้บัตรเครดิต ยิ่งปัญหารุมเร้า ก็ทำให้เกิดสภาพเครียดกันไปตามๆ กัน แต่ก็ใช่ว่าปัญหาคนเป็นหนี้บัตรเครดิตจะไม่มีทางออกเอาซะเลย บางคนที่มีหนี้บัตรเครดิตหลายใบก็เลือกใช้วิธีการ “รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต” และเคยสงสัยกันไหมว่าถ้ารีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะช่วยแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตได้จริงไหม วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันค่ะ
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คืออะไร ?
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต หากพูดง่ายๆ ก็คือ การรวมหนี้บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดต่างๆ ที่มีอยู่มารวมไว้เป็นก้อนเดียวกัน เป็นขอสินเชื่อใหม่เพื่อนำเงินมาโปะหนี้เก่าทั้งหมด ซึ่งการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นสามารถทำได้กับสถาบันการเงินเดิมหรือสถาบันการเงินใหม่
ทำไมต้องรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ไม่รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ไหม ?
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะทำหรือไม่ทำก็ได้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละบุคคลเลย สำหรับใครที่คิดว่าตัวเองสามารถจัดการหนี้ที่เป็นอยู่ได้ แล้วไม่ได้ส่งผลกระทบในภายหลังก็ไม่จำเป็นต้องรีไฟแนนซ์ก็ได้ แต่ถ้ามีภาระหนี้บัตรเครดิตแต่ละเดือนสูง ไม่อยากที่จะจ่ายดอกเบี้ยที่แพงเกินไป อยากมีเงินเหลือไว้ใช้ในแต่ละเดือน ก็แนะนำให้รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะดีกว่า แต่ต้องบอกอย่างนี้ว่า การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้น ไม่ใช่ว่าจะทำให้หนี้ที่เป็นอยู่นั้นหายไปนะคะ หนี้ยังคงอยู่เหมือนเดิม เพียงแค่ว่าเปลี่ยนจากการที่คุณต้องนั่งจ่ายหนี้บัตรเครดิตกับหลายธนาคาร เปลี่ยนมาจ่ายที่ธนาคารเดียว เสียดอกเบี้ยที่เดียว
ข้อดีในการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต สำหรับคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิต
เหตุผลง่ายๆ เลยก็คือ ดอกเบี้ยถูกลง จากเดิมที่จ่ายดอกเบี้ยกับ 3 ธนาคาร แต่ละธนาคารคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ 28% ต่อปี แต่ถ้ารีไฟแนนซ์ดอกเบี้ยก็เหลือเพียงแค่ 22% จ่ายกับธนาคารเดียวเท่านั้น อย่างต่อมาก็คือ ยอดเงินจ่ายรายเดือนต่ำลง เช่น เมื่อก่อนจ่ายหนี้บัตรเครดิตแบงค์ละ 5,000 บาท รวม 3 ธนาคารก็เป็นยอด 15,000 บาท แต่ถ้ารีไฟแนนซ์บัตรเครดิตแล้วอาจจะเหลือให้จ่ายเพียงแค่ประมาณ 5,000 – 7,000 บาท เท่านั้น เงินส่วนต่างคุณก็เก็บไว้ใช้ต่อได้อีก เห็นไหมล่ะว่าการรีไฟแนนซ์นั้นทำให้คุณเสียดอกเบี้ยถูกลง จ่ายน้อยลง และที่สำคัญมีความคล่องตัวมากขึ้น แถมยังไม่ต้องเสียประวัติทางการเงินอีกด้วย
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตสามารถทำได้กี่วิธี ?
สำหรับคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตต้องการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต สามารถทำได้หลายวิธี ในกรณีที่ไม่มีหลักทรัพย์อะไร ก็ให้เลือกเป็นวิธีขอสินเชื่อส่วนบุคคล โดยส่วนใหญ่แล้วสถาบันการเงินทั่วไปให้วงเงินประมาณ 5 – 7 เท่า ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงิน บางสถาบันการเงินก็เอื้อให้กับกลุ่มที่ทำงานเป็นข้าราชการ โดยการให้วงเงินสูงกว่าปกติ ส่วนใครที่มีหลักทรัพย์ เช่น บ้าน รถยนต์ ก็อาจจะนำหลักทรัพย์มายื่นขอสินเชื่อเป็น สินเชื่อบ้านแลกเงิน หรือสินเชื่อรถยนต์แลกเงิน วงเงินที่ได้รับก็สูงกว่าการขอสินเชื่อส่วนบุคคลอย่างแน่นอน เพราะสถาบันการเงินจะประเมินวงเงินตามหลักทรัพย์ แถมดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านแลกเงินก็ยังถูกกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลอีกด้วยค่ะ
อยากรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตต้องทำอย่างไรบ้าง ?
สิ่งแรกที่จะต้องทำในการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคือ สำรวจหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดว่าตอนนี้เป็นหนี้บัตรเครดิตของสถาบันการเงินไหนบ้าง ยอดเงินเท่าไร ตอนนี้เสียดอกเบี้ยแต่ละสถาบันการเงินเท่าไร และในแต่ละเดือนต้องจ่ายหนี้อยู่เท่าไร ต่อมาก็เริ่มศึกษาข้อมูลในการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตว่ามีข้อดี ข้อเสียอย่างไร มีสถาบันการเงินไหนบ้างที่เปิดให้รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ นำข้อมูลมาเปรียบเทียบแบบหมัดต่อหมัดกันไปเลยว่า วงเงินให้เท่าไร ดอกเบี้ยเท่าไร ผ่อนรายเดือนเท่าไร และระยะเวลาในการผ่อนนานเท่าไร จากนั้นคุณก็จะรู้ว่ารีไฟแนนซ์บัตรเครดิตกับสถาบันการเงินไหนที่ตอบโจทย์ของคุณได้ดีที่สุด
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ?
เริ่มจากการศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวกับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต จากนั้นก็นำมาเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ของแต่ละสถาบันการเงิน เลือกสถาบันการเงินที่คุณคิดว่าเหมาะกับตัวเองมากที่สุด ตอบโจทย์ชีวิตได้เป็นอย่างดี จากนั้นก็เตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อประกอบการสมัคร ซึ่งก็จะคล้ายๆ กับเอกสารในการสมัครบัตรเครดิตทั่วไป ที่จะต้องมีสำเนาบัตรประชาชน สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือน สำเนาบัญชีเงินฝากที่เงินเดือนเข้าย้อนหลัง 3 – 6 เดือน หน้า Book Bank ที่ต้องการให้ธนาคารโอนเงินให้หลังจากอนุมัติ และบางสถาบันจะต้องใช้เอกสารสำเนาใบเสร็จหนี้บัตรเครดิตที่จ่ายเดือนล่าสุด เมื่อเตรียมทุกอย่างครบถ้วนแล้วก็อย่างตรวจทานอีกครั้ง แล้วก็ไปสมัครรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตกับสถาบันการเงินที่เลือกไว้ได้เลย และก็เตรียมตัวให้พร้อมเผื่อว่าเจ้าหน้าที่จะโทรมาสอบถามข้อมูลส่วนตัวของคุณค่ะ
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต มีทั้งข้อดีข้อเสีย ฉะนั้นก่อนที่จะสมัครหรือทำอะไรนั้น ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้เข้าใจ ที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยทำให้หนี้บัตรเครดิตหมดไวนั้น คุณเองก็จะต้องมีวินัยการเงินที่ดี ไม่สร้างหนี้เพิ่มจากเดิม รู้จักวางแผนการใช้เงิน ทำบัญชีรายรับ รายจ่าย หรือมองหารายได้เสริมเพื่อให้มีรายได้มากกว่ารายจ่าย เห็นไหมล่ะว่าการเป็นหนี้ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เพราะทุกปัญหามีทางออกให้เสมอ เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังเผชิญกับหนี้บัตรเครดิตทุกคนนะคะ
ขอขอบคุณภาพ infographic สวยๆ จาก iMoney.in.th